ตอนที่2 ลงพื้นที่เก็บข้อมูลงานวิจัยครั้งที่หนึ่ง ทำความเข้าใจกลุ่มตัวอย่าง และบริบทของพื้นที่
EP2: My First Study: understanding the local education context and the experience of rural students & teachers in using mobile, tablet computer technology in learning.
จากคำถามงานวิจัยว่า เราจะสร้างเครื่องมือการเรียนการสอนโมบายไร้สายเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนในพื้นที่ห่างไกลความเจริญ ได้อย่างไร
–>คลิ๊กย้อนอ่านตอนที่1
การแก้ไขความยากจนเป็นประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ การให้การศึกษาเป็นทางออกที่ทำให้ประเทศหลุดพ้นจากความยากจน จะเห็นได้ว่ากลุ่มวิจัยต่างๆได้ให้ความสนใจและความสำคัญในเรื่องดังกล่าวนี้ เช่นกลุ่ม HCI และ IEEE โดยประเทศกำลังพัฒนาต้องเผชิญกับปัญหาการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน และขับเคลื่อนเศรษกิจ ประเทศจากสังคมผู้บริโภคและเป็นแรงงาน ไปสู่ประเทศที่สามารถพัฒนาตนเองได้ สร้างนวัตกรรม นำรายได้เข้าประเทศ และพึ่งพาตนเองได้อย่างยังยืน
ดังนั้นการให้ความสำคัญกับการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อปูพื้นเยาวชนรุ่นใหม่ให้เข้มแข็งและมีศักยภาพการแข็งขันในอนาคต ทักษะใหม่ที่ต้องปลูกฝัง อาทิ การแก้ไขปัญหา (Problem based learning) การคิดวิเคราะห์ (Critical thinking) การคิดสร้างสรรค์ (Creative thinking) และทำงานร่วมกัน (Collaboration) และเป็นสิ่งที่ท้าทายที่จะทำให้ผู้เรียนเรียนรู้จากข้อมูลต่างๆที่มีอยู่อย่างแพร่หลายอยู่รอบๆตัวในสังคมดิจิตอล (Digital literacy) จากการศึกษาประเทศกำลังพัฒนา นักเรียนยังขาดทักษะและความรู้ที่จำเป็นในศตวรรศที่ 21st และความรู้พื้นฐานด้าน คณิตศาสตร์ การอ่าน ด้านภาษา และวิทยาศาสตร์ โดยยิ่งนักเรียนไทยที่อยู่ในที่ๆห่างไกลความเจริญ มีผลการเรียนที่ต่ำกว่านักเรียนในตัวเมืองอย่างมาก(ความรู้ห่างกันประมาณ1ปีการศึกษา) (PISA2015) ทั้งนี้เนื่องมาจากการขาดครูผู้สอน ขาดเครื่องมือการเรียนการสอน ขาดเครื่องมือทดลอง ห้องทดลอง ขาดงบประมาณ
เทคโนโลยีโมบายจึงเข้ามามีบทบาทที่ผู้วิจัยทั่งโลกนำมาศึกษาและนำมาใช้เพื่อช่วยพัฒนการเรียนการสอน เพระมีการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ราคาถูกลง พกพาสะดวก เช่น สมาร์ทโฟน แทปเล็ต เทคโนโลยีสวมใส่ (Wearable Technology) คอมพิวเตอร์สมองกลขนาดเล็ก (Physical computer: Arduino, Raspberry Pi)
จุดประสงค์ของงานวิจัยชิ้นนี้จัดทำเพื่อศึกษา ออกแบบ และพัฒนานวัตกรรมเพื่อสงเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนประถมต้นในพื้นที่ห่างไกลความเจริญ ด้วยเทคโนโลยีโมบายไร้สาย
และมีวัตถุประสงค์ย่อยดังนั้น
- ศึกษาโอกาสความเป็นไปได้ในการนำเทคโนโลยีไร้สายมาพัฒนาการเรียนการสอนกับนักเรียนประถมในพื้นที่ห่างไกลความเจริญ
- ออกแบบ พัฒนา และประเมินผลสัมฤทธิ์ของเครื่องมือกับเด็กนักเรียนในบริบทของพื้นพื้นที่ห่างไกลความเจริญ
- นำเสนอแนวทางสำคัญในการออกแบบ พัฒนา และการนำไปใช้งานของเครื่องมือกับเด็กนักเรียนในบริบทของพื้นพื้นที่ห่างไกลความเจริญ
ในกลุ่มของ HCI (Human Computer Interaction) ได้ให้ความสำคัญกับการออกแบบและพัฒนาเครื่องมือแบบ Iterative Design Process ที่ประกอบไปด้วยกระบวนการเก็บข้อมูลความต้องการจากผู้ใช้งาน ออกแบบ พัฒนาต้นแบบ ทดลองต้นแบบ ปรับปรุงต้นแบบ ทดลองซ้ำเพื่อประเมินผล
http://sites.path.org/rhtech/files/2012/07/Iterative-design-process.jpg
ดังนั้นการวิจัยครั้งแรกจะเป็นการเก็บข้อมูลก่อนการออกแบบ เราจะลงพื้นที่ไปเก็บข้อมูลกับนักเรียนชั้นประถมที่จังหวัดเชียงราย ขั้นตอนก่อนที่เราจะไปเก็บข้อมูลได้นั้นจะต้องเขียนเอกสารรายละเอียดงานวิจัย ขั้นตอน วิธีการเก็บข้อมูลต่าง ส่งให้ทางกรรมการจริยธรรม Ethical committee ของทางมหาวิทยาลัยที่อังกฤษก่อน ถึงแม้ว่าเราจะไปเก็บข้อมูลที่เมืองไทยก็ตาม ขั้นตอนนี้ต้องเผื่อระยะเวลาดำเนินการหนึ่งเดือนเป็นอย่างน้อย โดยเฉพาะงานวิจัยนี้ทำการทดลองกับเด็ก ทำให้ยากเป็นพิเศษกรรมการจะดูละเอียดถึงความปลอดภัยและต้องมีการรับรองจากผู้ปกครอง ยิ่งจะต้องมีการบันทึกภาพ วิดีโอ จำเป็นจะต้องอธิบายให้ชัดเจน ผมใช้เวลาตอบโต้กับกรรมการประมาณสี่ครั้งจนผ่าน ประกอบกับช่วงปี 2014 ประเทศไทยเป็นพื้นที่สีแดง กรรมการก็จะไม่อนุมัติให้มาเนื่องจากเห็นว่ามีความไม่ปลอดภัยสูง (แม้ว่าเราเป็นคนไทยก็ตาม) ต้องหาเอกสารชี้แจงว่าเราจะทำอะไรอยู่ที่ไหนถ้าเกิดเหตุการไม่สงบขึ้นเราจะทำอย่างไร สุดท้ายการเก็บข้อมูลครั้งแรกก็ผ่านการอนุมัติก่อนบินกลับมาเพียงอาทิตย์เดียว
เครื่องมืองานวิจัยใช้ VAK learning style test เพื่อสำรวจรูปแบบการเรียนรู้ว่าเด็กว่าเด็กเรียนดีเมื่อได้เคลื่อนไหวร่างกาย (Kinaesthetic) เรียนดีเมื่อได้ฟัง (Audiotory) เรียนดีเมื่อได้เห็น (Visual) และผู้วิจัยสำรวจเพิ่มเรื่องของการทำงานเป็นกลุ่ม (Collaboration) โดยอ้างอิงจากเครื่องมือชื่อ Index of Learning Styles (ILS) และเรื่องของการแข่งขันในการเรียน (Competitive learning style)
ผู้วิจัยสำรวจเพิ่มเติมในเรื่องของเจตคติของเด็กนักเรียนต่อการใช้ Tablet (the user attitudes towards tablet computer use) ซึ่งแตกเป็นหัวข้อย่อย ดังนี้ เรื่องของความกระตือรือร้นและความสนุกในการใช้งาน Enthusiasm/ Enjoyment, ความเครียดและตื่นกลัว Anxiety, การยอมรับ Avoidance/Acceptance และ ความเป็นประโยชน์ Productivity ซึ่งอ้างอิงจาก Modification of The Computer Attitude Measure (CAM) และ Internal Consistency Reliability for Seven-Factor Structure of the Teachers’ Attitudes Toward Computers Questionnaire (TAC)
**รายละเอียดข้อมูลทางสถิติงานวิจัยนี้สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่วารสารที่ตีพิมพ์แล้วด้านล่างครับ**
เก็บกลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนที่เรียนด้วย Tablet ชั้นป.2 จำนวน 213 คน จาก 4 โรงเรียน (2 รร.ในตัวจังหวัด และอีก2 รร.นอกเขตอำเภอเมือง) เก็บข้อมูลจากการสังเกตุ (Observation) การตอบแบบสอบถาม (Questionnaire) และการสัมภาษณ์ (Interview)
เราค้นพบอะไรบ้างในการศึกษาครั้งนี้
ความเสมอภาคระหว่างนักเรียนหญิงชาย (Gender difference)
นักเรียนชายและหญิงไม่มีความแตกต่างกันในเรื่องประสบการณ์ใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ (Technology experience) นักเรียนชายหญิงมีความพร้อมที่จะใช้งานแทปเล็ตคอมพิวเตอร์ เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวมีประสบการณ์ใช้งานแทปเล็ตมาก่อน และส่วนใหญ่จะมีมือถือ และคอมพิวเตอร์ที่บ้าน อีกทั้งชายและหญิงมีความสุข(Enjoyment) และ การยอมรับ (Acceptance) ในการใช้งานแทปเล็ตไม่ต่างกัน นักเรียนหญิงชายไม่มีความแตกต่างทางด้านรูปแบบการเรียนรู้ (Learning Style) ยกเว้นด้านการเรียนรู้ทางด้านการมองเห็น (Visual Learning Style) นักเรียนหญิงมีผลสูงกว่านักเรียนชาย ผลการศึกษานี้ส่งผลที่น่าสนใจว่านักเรียนหญิงไทยมีความสนใจในเทคโนโลยีไม่ต่างกับเด็กชาย ซึ่งในต่างประเทศเด็กหญิงจะมีความสนใจน้อยกว่ามาก โดยถ้าเราสามารถรักษาความสนใจทางด้านนี้ในเด็กหญิงไปได้ตลอดจนจบการศึกษาขั้นสูง เราจะสามรถลดความเลื่อมล้ำระหว่างเพศในด้านเทคโนโลยี และแก้ไขการขาดแคลนวิศวกรหญิงได้ในอนาคต (ปัจจุบันขาดแคลนทั่วโลก)
ความเสมอภาคระหว่างพื้นที่ (Urban vs. rural)
จากการศึกษาไม่น่าแปลกใจที่เราพบว่าเด็กนักเรียนในพื้นที่ห่างไกลความเจริญ (ชนบท) มีประสบการในการใช้เทคโนโลยีน้อยกว่าเด็กในเมือง แต่เราพบว่าเด็กในชนบทมีรูปแบบการเรียนรู้แบบแข่งขันมากกว่าเด็กในเมือง อาจเป็นเพราะเนื่องจากความขาดแคลนในด้านความพร้อมทางด้านการศึกษา และชีวิตความเป็นอยู่ ซึ่งตรงกับผลการศึกษาในประเทศอินเดีย และอเมริกา อย่างไรก็ตามเราพบว่านักเรียนทั้งสองพื้นที่มีความสุขในการใช้งานแทปเล็ตเป็นอย่างดี (Enjoyment) พวกเค้าคิดว่าใช้ แทปเล็ตในการเรียนแล้ว สนุก ตื่นเต้น มีประโยชน์ต่อการเรียนในห้องเรียน แต่เด็กชนบทมีความกังวล (Anxiety) สูง และยอมรับในการใช้งาน(Acceptance) แทปเล็ตน้อยกว่าเด็กในตัวเมือง เนื่องจากเค้าประสบการณ์ในการใช้งาน (Technology experience) น้อยกว่าจึงส่งผลดังกล่าวสอดคล้องกับงานวิจัยอื่นในต่างประเทศ
ความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบการเรียนของนักเรียน (Learning Style) และ ทัศนคติของการใช้งานแทปเล็ต (attitudes towards tablet computer use)
การวิเคราะห์สหสัมพันธ์ (Correlation Analysis) ถูกนำมาใช้ และเราพบว่านักเรียนจะมีความกังวลในการใช้งานแทปเล็ตต่ำเมื่อเรียนแบบกิจกรรม (Activity) และเรียนรู้ร่วมกัน (Collaboration) ซึ่งสอดคล้องจากการสัมภาษณ์คุณครูชี้ว่าเนื้อหาบทเรียนที่อยู่ในแทปเล็ตไม่สามารถสนับสนุนการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนได้เพียงพอ ขาดการโต้ตอบและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียน เน้น Passive มากกว่า Active การออกแบบหน้าจอของสื่อการสอน และแอพพลิเคชั่น ด้อยคุณภาพและไม่เหมาะสมกับเด็กนักเรียนประถม
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ของนักเรียนต่อการใช้งานแทปเล็ทคอมพิวเตอร์ (Students’ academic performance on tablet computer use)
พหุถดถอยโลจิสติก (Multinomial logistic regression) ถูกนำมาใช้ และเป็นที่น่าสนใจว่านักเรียนที่ใช้แทปเล็ตที่มีผลการเรียนอ่อนจะมีแนวโน้มของผลการเรียนที่สูงขึ้นเมื่อนักเรียนมีประสบการณ์การใช้งานเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น แต่ที่น่าแปลกใจว่านักเรียนที่มีผลการเรียนที่ดีจะมีแนวโน้มของผลการเรียนที่ลดลงเมื่อมีการเรียนรู้ร่วมกันหรือทำงานเป็นกลุ่ม (Collaboration) สะท้อนภาพว่านักเรียนเก่งต้องการเรียนแบบแยกตัวออกจากกลุ่ม (study as individuals in isolation) งานวิจัยที่อเมริกาพบว่านักเรียนเก่งมีความเป็นตัวของตัวเองสูงและอาจไม่ได้รับการยอมรับจากกลุ่ม หรือแยกตัวออกจากกลุ่มโดยลำพัง เรายังพบว่าเด็กนักเรียนในกลุ่มการเรียนอ่อนมีความกังวลสูง (Anxiety) กว่านักเรียนในกลุ่มผลการเรียนปานกลาง และสูง ยิ่งเด็กกลุ่มนี้มีความกังวลสูงมากเท่าไหร่จะมีแนวโน้มของผลการเรียนต่ำลง ผลที่ค้นพบนี้สอดคล้องกับงานวิจัยอื่นๆอีกหลายประเทศ
แต่ยากที่จะสรุปได้ว่าเด็กกลุ่มใดได้ประโยชน์ต่อการใช้งานแทปเล็ตคอมพิวเตอร์มากที่สุด ผู้วิจัยเชื่อว่าผลการเรียนของนักเรียนทุกกลุ่ม และนักเรียนที่มีรูปแบบการเรียนหลากหลาย สามารถพัฒนาขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเราสามารถปรับกระบวนการสอน ให้สอดคล้อง เหมาะสม กับรูปแบบและความสามารถของนักเรียนแต่ละคนให้มากที่สุด
บทสรุปของงานวิจัยครั้งที่หนึ่ง
เป็นเรื่องที่จำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และปัญหาการเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศในพื้นที่ห่างไกลความเจริญ ความสามารถในการอ่านและเขียน ทักษะที่จำเป็นในการทำงานในอนาคตของนักเรียนในปัจจุบันเป็นสิ่งที่เราต้องรีบสร้างโดยเร็ว
งานวิจัยนี้ยืนยันว่านักเรียนมีความสุขและสามารถใช้แทปเล็ตคอมพิวเตอร์ในการเรียนได้ดี นอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าวการใช้งานแทปเล็ตคอมพิวเตอร์อาจจะไร้ประโยชน์ถ้าเราขาดความเข้าใจผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (นักเรียนและคุณครู) จากการศึกษาของเราจะขอนำเสนอข้อแนะนำเพิ่มเติมดังนี้
- ลดช่องว่างระหว่างหญิงและชาย (reduce gender difference) โดยการให้ความรู้ จัดการเรียนการสอน และสิ่งแวดล้อมในการเรียนให้สอดคล้องกับความแตกต่างในรูปแบบการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนแต่ละคน บางคนถนัดในการฟัง เมื่อฟังแล้วจะเข้าใจเนื้อหาและเรียนรู้ได้ดี บางคนถ้าให้วาดภาพ หรือดูรูปภาพเค้าจะเข้าใจจดจำได้ดีขึ้น และอาจจะสามารถรักษาความสนใจทางด้านเทคโนโลยีต่อนักเรียนหญิงเมื่อเค้าเติบโตเป็นผู้ใหญ่
- ลดช่องว่างระหว่างนักเรียนในเมืองและชนบท (decreasing gap between urban and rural students) โดยการขยายโอกาสให้กับเด็กนักเรียนชนบทในการเข้าถึงเทคโนโลยี เพิ่มทักษะ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้นักเรียนตอบรับเทคโนโลยีมากขึ้น ลดความวิตกกังวล และการตื่นกลัวในการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ
- เพิ่มประสบการณ์ในการเรียนรู้และผลการเรียนของนักเรียน (Increase students’ learning ability and achievements) การให้ความสำคัญต่อการเรียนรู้ในบริบทของพื้นที่เป็นสิ่งสำคัญ นักเรียนแต่ละพื้นที่มีรูปแบบการเรียนรู้และความต้องการที่แตกต่างกัน ในบริบทของชนบท รูปแบบของสื่อการสอนต้องสอดคล้องกับพื้นที่ของตนเอง เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของนักเรียน ให้ง่ายต่อการเข้าถึงและเชื่อมโยงองค์ความรู้สู่การนำไปใช้จริงได้ เทคโนโลยีการนำเสนอเนื้อหาสอดคล้องกับบริบทของผู้เรียน (context awareness) บนสภาพแวดล้อมการจัดการเรียนการสอนที่หลากหลาย (ubiquitous learning environment) อาจเป็นวิธีการที่เหมาะสมที่ส่งเสริมศักยภาพการเรียนรู้ของนักเรียนที่มีความแตกต่างกัน
นอกจากมุมมองทางด้านการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้แล้ว การพัฒนาหลักสูตรและเนื้อหาในการเรียนรู้เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทของผู้เรียน พื้นที่ และสามารถใช้ควบคู่กันได้กับแทปเล็ตคอมพิวเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
บทความตอนต่อไปเราจะมาดูว่าหลังจากที่เราเก็บข้อมูลพื้นฐาน ความต้องการของผู้ใช้งาน ข้อมูลความพร้อมของพื้นที่มาแล้ว เราจะมาเริ่มพัฒนาเครื่องมือต้นแบบเพื่อนำไปใช้ทดลองในงานวิจัยครั้งต่อไป
ตอนที่3 ออกแบบเครื่องมือการเรียนการสอนโมบายไร้สายเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนในพื้นที่ห่างไกลความเจริญ EP3: Designing IoLT (Internet of Learning Things)
วารสารตีพิมพ์
Pruet, P., Ang, C. S., & Farzin, D. (2016). Understanding tablet computer usage among primary school students in underdeveloped areas: Students’ technology experience, learning styles and attitudes. Computers in Human Behavior, 55, 1131-1144.